พรีวิว ฟุตบอลเอฟเอ คัพ (รอบ 16 ทีม) ระหว่าง : ลิเวอร์พูล VS นอริช ซิตี้ 02/03/2022

โปรแกรมการแข่งขัน : ฟุตบอลเอฟเอ คัพ (รอบ 16 ทีม)
วันแข่งขัน : วันพุธที่ 02 มีนาคม 2565
เวลาแข่งขัน : 03:15 น.
ระหว่าง : ลิเวอร์พูล VS นอริช ซิตี้
สนาม : แอนฟิลด์

ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 1

ผลการพบกันทั้ง 2 ทีม

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

09/08/19 ลิเวอร์พูล 4-1 นอริช ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)
15/02/20 นอริช ซิตี้ 0-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
14/08/21 นอริช ซิตี้ 0-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
21/09/22 นอริช ซิตี้ 0-3 ลิเวอร์พูล (ลีก คัพ
19/02/22 ลิเวอร์พูล 3-1 นอริช ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)

ลิเวอร์พูล
12/02/22 ชนะ เบิร์นลี่ย์ 1-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)
16/02/22 ชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0 (เยือน, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
19/02/22 ชนะ นอริช ซิตี้ 3-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
23/02/22 ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-0 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
27/02/22 ชนะ เชลซี (P) 0-0 (สนามกลาง, คาราบาว คัพ)

นอริช ซิตี้
05/02/22 ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 (เยือน, เอฟเอ คัพ)
09/02/22 เสมอ คริสตัล พาเลซ 1-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
12/02/22 แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-4 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
19/02/22 แพ้ ลิเวอร์พูล 1-3 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)
25/02/22 แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-2 (เยือน, พรีเมียร์ลีก)

สภาพทีมโดยทั่วไป

ลิเวอร์พูล

หงส์แดง กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเลย เอาชนะในเวลา 90 นาทีได้ 9 จาก 10 นัดหลังสุด ล่าสุดก็เพิ่งคว้าแชมป์คาราบาว คัพ ด้วยการชนะ เชลซี ในช่วงดวลจุดโทษ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันจะทำการโรเตชั่นทีมอย่างแน่นอน โดย 6 ผู้เล่นที่อยู่ครบ 120 นาทีในเกมล่าสุดอย่าง ควีวีน เคลเลเฮอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่ และ โม ซาลาห์ ไม่น่าจะมีส่วนร่วม ในรายของ ติอาโก้ อัลกันตาร่า มีปัญหาที่เอ็นหลังหัวเข่าต้องพักราว 1 สัปดาห์ โดยจะเป็นโอกาสของ โจ โกเมซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, คอสตาส ซิมิกาส, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เคอร์ติส โจนส์, ดิว็อก โอริกี้ และ ทาคูมิ มินามิโนะ ที่จะได้ลงสนาม

นอริช

นกขมิ้นเหลืองอ่อน ตกรอบ 5 เอฟเอ คัพ ถึง 4 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุดที่พวกเขาผ่านมาถึงรอบนี้ เว้นครั้งเดียวที่เอาชนะ สเปอร์ส ในปี 2019-20 กุนซือ ดีน สมิธ จะไม่มี แกรนท์ แฮนลี่ย์ กองหลังกัปตันทีมที่ติดโทษแบน ขณะที่ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ และ แม็กซ์ อารอนส์ ก็ส่อชวดเนื่องจากไม่ได้ซ้อมมาตั้งแต่สุดสัปดาห์หลังมีอาการบาดเจ็บด้วย นอกจากนี้ โอซาน คาบัค ที่มีปัญหาบริเวณหัวไหล่ยังน่าจะพลาดช่วยทีมต่อไป ขณะที่ แอนดรูว์ โอโมบามิเดเล่ และ อดัม ไอดาห์ บาดเจ็บต้องพักยาว

ความน่าจะเป็นของเกม

เกมนี้เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล น่าจะยังเดินเครื่องล่าสกอร์ต่อไป แม้แมตช์ล่าสุดจะกรำศึกหนัก 120 นาทีชนิดบีบหัวใจมาสดๆ ร้อนๆ แต่ขุมกำลังเกินกว่าครึ่งน่าจะได้พักและสลับส่งกำลังเสริมลงบู๊ แน่นอนว่ายังมีพวก ทาคูมิ มินามิโนะ, ดิโอโก้ โชต้า, เคอร์ติส โจนส์ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ที่สภาพร่างกายค่อนข้างสมบูรณ์และพร้อมบู๊แบบไม่มีปัญหาเลย ยิ่งไปกว่านั้น ควีมิน เคลเลเฮอร์ นายทวารวัย 23 ปีที่กำลังมั่นใจก็อาจจะได้ลงเฝ้าเสาต่อเนื่องอีก บอกเลยว่าโมเมนตัมเข้าทางเจ้าบ้านเต็มสูบ สอดคล้องกับทีมเยือน นอริช ที่ปราชัยรวด 3 หนท้ายและโดนถลุงแนวรับนับไม่ถ้วนกว่า 9 ประตูเลยทีเดียว ซึ่งพวกเขาก็เพิ่งจะหวดกันมาหมาดๆ ก่อนจะเป็นอาคันตุกะที่พ่ายไปเหนาะๆ 1-3 ตอกย้ำกับสถานการณ์ในลีกน่าจะต้องโฟกัสเรื่องการหนีตายก่อน ฉะนั้นหากพวกเขาจะปล่อยถ้วยนี้ก็คงไม่แปลก

Post Tags: